นครเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองใหญ่และเจริญขีดสุดของประเทศจีน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล และกำลังเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มขั้น การเดินทางในครั้งนี้ฝ่าสายฝนและการจราจรติดขัดไปสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้บริการสายการบินไทยมุ่งหน้าสู่เซี่ยงไฮ้
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเรียบร้อย ก็เดินมาเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูง Maglev เพื่อมาต่อ metro สาย 2 สีเขียวที่สถานี Longyang Rd ไปที่พัก Mingtown Etour International Youth Hostel, Shanghai (exit 11) ซึ่งอยู่ใกล้กับ metro สายสีเขียว สถานี People’s Square
อากาศที่เซี่ยงไฮ้ในเดือนกันยายนยังมีฝนตกในบางวัน อากาศเริ่มเย็นสบาย การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ สะดวกสบายมาก มีรถไฟฟ้า 16 สายครอบคลุมทั้งเมือง ถึงแม้เซี่ยงไฮ้จะเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า ทว่าก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั่วทั้งเมือง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์เมืองจีน ไม่ควรพลาด Shanghai Museum (metro สาย 2 สีเขียว exit 1) ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณล้ำค่า เหรียญตรา ชนเผ่าต่างๆ ในประเทศจีน ฯลฯ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี
พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกแห่ง Shanghai History Museum (metro สาย 2 สีเขียว exit 11) อยู่ไม่ไกลจาก Shanghai Museum ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านสื่ออินเทอร์แอ็คทีฟ จัดแสดงวัตถุโบราณสำคัญที่ถูกค้นพบตามแหล่งโบราณคดีสำคัญ ประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดของเมืองเซี่ยงไฮ้ ทั้งสงครามฝิ่น การทำสนธิสัญญานานกิงกับอังกฤษ ชาติตะวันตกแผ่ขยายอิทธิพล จนเซี่ยงไฮ้กลายเป็น “เขตเช่าสาธารณะ” เซี่ยงไฮ้ถูกญี่ปุ่นยึดครองในช่วงสงครามเอเชียแปซิฟิก จนถึงการสถาปนาสาธารณประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ และกลายมาเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการเงิน เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการลงทุนจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เสียค่าเข้าชม
มาเซี่ยงไฮ้ทั้งทีต้องไม่พลาดไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ Jing An Temple (metro สาย 2 สีเขียว สถานี Jing An Temple exit 1) วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพของชาวจีน และชาวพุทธ ค่าเข้าชม 50 หยวน บริเวณใกล้วัดมี Old Navy Store ด้วยใครชื่นชอบเสื้อผ้าแบรนด์นี้ไม่ควรพลาด บริเวณโดยรอบยังมีร้านอาหารทั้งอาหารจีน อาหารญี่ปุ่นให้เลือกสรรตามใจชอบ
วัดพระหยกขาว (Jade Buddha Temple) วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปหยกสององค์ ซึ่งพระสงฆ์ชาวพม่าเป็นผู้นำเข้ามาที่เซี่ยงไฮ้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วัดแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บสมบัติทางจิตวิญญาณอื่นๆ อีกมากมาย การเดินทาง นั่งรถไฟฟ้าสาย 7 ลงสถานี Changshou Road ทางออก 5 เสียค่าเข้าชม 20 หยวน
หากอยากสัมผัสเมืองเก่าโบราณนั่งรถไฟฟ้าออกนอกเมืองไปสักหน่อย Qibao Old Town เดินทอดน่องชมเมืองเก่าอันเงียบสงบ สักการะขอพรพระที่วัด Qibao Temple เดินลัดเลาะข้ามสะพานเที่ยวชม ชิม ช้อป อาหารแนว street food ซื้อของฝาก โดยเฉพาะผ้าพันคอเนื้อดีในราคาถูกกว่าในเซี่ยงไฮ้มาก การเดินทางมาไม่ยาก นั่ง metro สาย 9 ลงสถานี Qibao ทางออก 2
ขยับมาในเมืองก็มีเมืองโบราณให้เที่ยวเช่นกันอย่าง Yuyuan Garden ย่านนี้สถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ มีร้านค้าขายของฝากของที่ระลึกมากมาย ราคามิตรภาพ มีอาหาร street food ให้เลือกสรร ตลอดการเดินชมสถาปัตยกรรม ช้อปปิ้ง ไปตลอดเส้นทางจนถึง Yuyuan Garden การเดินทางด้วย metro สาย 10 ลงสถานี Yuyuan Garden ทางออก 1
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ใครมาเซี่ยงไฮ้ต้องมาเยี่ยมชม The Bund ทางเดินเรียบแม่น้ำ Huangpu เดินเล่นยามเย็นนอกจากจะชมตึกไข่มุก (Pearl Tower) จากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแล้ว ยังได้ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมตะวันตกของอาคารเก่าที่เรียงรายอยู่ตามแนวถนนอีกด้วย
จาก The Bund สามารถเดินมาเรื่อยๆ หรือจะนั่ง metro สาย 2 สีเขียวมาลง West Nanjing Road แล้วจะพบกับความตื่นตาตื่นใจกับ Nanjing Road สีสันแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ยามค่ำคืน ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร อาหารแนว street food ห้างสรรพสินค้าสำหรับขาช้อปให้แวะจับจ่ายซื้อของก่อนกลับ
ปิดท้ายทริปนี้ด้วย Starbucks Reserve Shanghai แรกก้าวที่เข้าไปสัมผัสต้องร้องอื้อฮือ เพราะเป็น Starbucks ที่สุดอลังจริงๆ เข้ามาก็จะพบกับสินค้ามากมายทั้งเสื้อ กระเป๋า แก้ว อื่นๆ อีกจิปาถะให้สาวก Starbucks ได้เลือกซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึก แต่ราคาก็หนักเอาการเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่ม ขนมปังที่เป็นสูตรเฉพาะของที่นี่แห่งเดียวให้เลือกชิมกันอีกมากมาย
การเดินทางมาท่องเที่ยวในนครเซี่ยงไฮ้สะดวกสบายมาก รถไฟฟ้าครอบคลุมทั้งเมือง เดินไปไหนมาไหนก็อุ่นใจเพราะจะพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจตราโดยตลอด สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีมีเครื่องสแกนกระเป๋า การจัดการผังเมืองดีมาก ทางเดินเท้ากว้างขวาง ตามถนนร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีสวนสาธารณะใจกลางเมืองให้ออกกำลังกาย เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ หรือเป็นสถานที่สำหรับใช้เวลากับครอบครัว นอกจากนี้แล้วคนที่นี่จะใช้จ่ายอะไรแทบไม่ใช้เงินสดเลย มีโทรศัพท์เครื่องเดียวสแกน QR Code จ่ายเงินค่าเดินทาง จับจ่ายซื้อของต่างๆ ได้ไปใช้ชีวิตที่โน่น 5 วันได้เห็นความเจริญก้าวหน้าของเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว ก็หวังว่าวันหนึ่งเมืองไทยจะเป็นสังคมแห่ง Cashless ได้เช่นเดียวกัน